Thai News
ใครจะคิดว่า "เงิน" คือมือที่สามระหว่างเรา
Wednesday, September 23, 2015เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของผมแต่เป็นเรื่องราวที่ผมไปเจอมาจากกระทู้หนึ่งในเว็บดัง
ผมคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นข้อคิดดีๆให้กับใครหลายๆคนได้เลยอยากจะแชร์ครับ
ขอเล่าย้อนไปเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วตอนนั้นผมมีแฟนอยู่คนนึง เรารักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายจนเข้าสู่วัยทำงาน
ตั้งแต่คบกันเราทั้งคู่ไม่เคยมีเรื่องมือที่สาม หรือเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ต้องทะเลาะกันเข้ามาทำลายความรักที่เรามีให้กันเลยครับ
อาจจะฟังดูเว่อร์ แต่มันเป็นเรื่องจริงครับ เพราะเรารักกันเหมือนเพื่อน มีอะไรก็คุยกันตลอดเลยไว้ใจและเชื่อใจกันมาก
ตั้งแต่สมัยม.ปลายจนถึงมหาวิทยาลัยเราเรียนที่เดียวกันตลอดอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จะเอาเวลาที่ไหนไปมีใครจริงมั๊ยล่ะครับ ผมก็คิดแบบนี้
จนเราสองคนเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน ผมกับแฟนไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแต่เราก็ยังอยู่ด้วยกัน กลับห้องมาเจอหน้ากัน
กินข้าวด้วยกันทุกวัน แต่...พักหลังๆผมรู้สึกว่าเธอเริ่มทำตัวแปลกๆไป จากคนที่ปกติจะชอบมาคุยมาเล่นด้วยก็กลับเฉยชาไม่สนใจ
เวลาเราห่วงหรือถามอะไรก็ชอบตอบแบบรำคาญ ไม่ค่อยอยากพูดด้วยเท่าไหร่ ผมก็พยายามมองในแง่ดีว่า
สงสัยเค้าคงเหนื่อยงจากงานมั้ง
แต่บางครั้งผมก็อดคิดถึงเรื่องที่ผมกลัวที่สุดไม่ได้เพราะหลังๆเค้าเริ่มกลับบ้านค่ำบ่อยๆ เมื่อก่อนเวลาจะไปไหนทำอะไร
เค้าจะโทรบอก โทรรายงานเพื่อไม่ให้ผมเป็นห่วง แต่หลังๆผมโทรหาก็ไม่ค่อยรับ พอรับก็ชอบทำเสียงรำคาญใส่อีกหลายครั้ง
ต่อหลายครั้งที่เป็นแบบนี้ พอถามว่าไปไหนก็จะตอบแบบรำคาญว่า “ไปกับเพื่อน จะถามอะไรนักหนา !”
คือผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมทำอะไรผิดหรือทำอะไรให้เค้าไม่พอใจรึป่าว อีกอย่างที่ผมเริ่มจับพฤติรรมแปลกๆของเธอได้คือ
เวลาที่ผมกับแฟนอยู่ด้วยกัน เธอจะเป็นคนที่ไม่ติดโซเชี่ยลเลย แต่ถามว่าเล่นบ้างมั๊ยบ ก็มีเล่น Facebbok เรื่อยเปื่อย แต่หลังๆ
เวลาอยู่ด้วยกัน ไปไหนมาไหนก็หยิบโทรศัพท์แชทตลอดเวลา พอถามว่าคุยกับใครทำไมไม่สนใจกันเลย มัวแต่เล่นโทรศัพท์
เค้าก็บอกว่าคุยกับเพื่อนบ้างคุยเรื่องงานบ้าง โน่นนี่ไปเรื่อย เราเองก็ไม่ได้เอะใจอะไร
แต่แล้วเรื่องที่ผมกลัวที่สุดก็มาถึง มันตรงกับวันศุกร์ เธอบอกผมว่า “เธอขอกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด” ซึ่งทุกครั้งที่ไป
เราจะไปพร้อมกันทั้ง 2 คน แต่คราวนี้เค้าขอกลับไปคนเดียว ผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรนะครับ เพราะเข้าใจว่าบางครั้งเธออาจจะมีเรื่องราวที่
อยากแลกเปลี่ยนกับพ่อแม่ หรืออยากอยู่กับครอบครัวของเธออย่างเต็มที่ก็ได้
เช้าวันเสาร์ .... ผมก็ไปส่งเธอขึ้นรถ ผมบอกว่าถ้าถึงแล้วให้โทรผมด้วย เธอก็โทรบอกตามที่ผมขอ ในวันนั้นผมมีความรู้สึก
สังหรณ์ใจแปลกๆ แต่เหตุการณ์ก็ยังคงเป็นปกติจนมาถึงช่วงเย็น ด้วยความที่เป็นเย็นวันเสาร์ เพื่อนๆผมก็ต้องมีบ้างที่อยากออกไป
สังสรรค์กันในแก๊งค์ พวกมันเลยชวนผมออกไปนั่งชิวๆกัน ซึ่งร้านที่ผมไปปกติจะเป็นร้านประจำของผมกับแฟนอยู่แล้ว เพราะอยู่ใกล้ที่พัก
เดินทางง่าย ถ้าเมานี่ไม่ต้องห่วง เดินกลับห้องยังได้เลยครับ แต่สำหรับครั้งนี้ผมไปกับเพื่อนในแก๊ง พวกเรานัดกัน 3 ทุ่มที่ร้าน
พอผมไปถึงก็สั่งอาหารเครื่องดื่ม นั่งกินกับเพื่อนกำลังได้ที่ จังหวะนั้นเอง !! ผมหันไปเพื่อจะเรียกเด็กเสิร์ฟเพื่อสั่งน้ำแข็งเพิ่มอีก 1 ถัง
ปรากฏว่า! ผมเห็นภาพผู้หญิงคนนึงที่หน้าคล้ายแฟนผมมากเดินควงแขนมากับผู้ชายคนหนึ่ง ผมเริ่มเอะใจเลยขอตัวออกจากเพื่อน
แล้วเดินไปเพื่อดูผู้หญิงคนนั้น อยากเห็นให้มันชัดๆกันไปเลย ว่านี่ผมเมาหรือยังไงกันแน่
และสิ่งที่ผมเห็นมันตอบทุกคำถามที่ผมสงสัยได้ทั้งหมด ผู้หญิงคนนั้นคือแฟนของผมจริงๆ !!! เป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่ผมไปส่ง
ขึ้นรถก่อนหน้านี้ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา เป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่บอกว่าจะกลับบ้านไปหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด และเป็นผู้หญิงคนเดียว
ที่กำลังนอกใจผม ผมทั้งอึ้งทั้งช็อก! ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะทำแบบนี้ วินาทีนั้นผมโกรธมาก อยากจะต่อยหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้น
แบบไม่ยั้ง อยากเข้าไปถามเธอตรงๆ ว่าคือนี่มันอะไรกันแน่!? ทำไมเธอต้องหลอกผม!? เชื่อมั๊ยครับว่าขาของผมมันกลับก้าวไม่ออก
เหมือนร่างกายมันชาไปหมด ผมอยากจะร้องไห้ออกมาซะตรงนั้น ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นด้วย ภาพทุกอย่างที่เราเคยมีความสุข
มันผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ผมทำอะไรถูกได้แต่แอบมอง เค้าสองคนอยู่อย่างนั้น สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาคือ ผมไลน์ไปถามแฟนผมว่า
ตอนนี้อยู่ไหน? ทำอะไรอยู่? หลังจากที่ไลน์ไปได้แค่ไม่กี่วินาที เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตอบทันที แต่เธอกลับตอบมาว่า
“อยู่บ้านดูทีวีกับแม่อยู่” เชื่อมั๊ยครับผมน้ำตาคลอ จนพูดอะไรไม่ออก มันเจ็บและจุกมาก!
คนที่ผมรักที่สุดมาตลอดหลายปีทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ ความเชื่อใจที่เรามีให้กันมันไม่ได้มีความหมายกับเค้าเลยหรอครับ....
เธอโกหกผมเธอโกหกคนที่รักเธอ!
หลังจากคืนนั้น ผมกลับมาที่ห้องพร้อมอาการอกหัก ช้ำรัก โดนแทงข้างหลัง ครบทุกอารมณ์ แบกร่างตัวเองกลับมารักษาตัวที่ห้อง
ไม่ออกไปไหนเลยถึงเย็นวันอาทิตย์ที่เธอกลับมาถึงห้อง หลังจากนั้นมันทำให้ผมเริ่มรู้ว่าสาเหตุที่เค้าเปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจน
ว่าเพราะอะไร ผมพยายามใจเย็นมากในวันนั้นเพื่อจะพิสูจน์อะไรบางอย่าง ผมปล่อยให้วันนั้นผ่านไปโดยที่ทำตัวเป็นปกติ
ไม่มีอาการอะไรใดๆทั้งสิ้น แต่ในขณะเดียวกันก็หาจังหวะที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่างไปพร้อมกัน ต้องบอกก่อนนะครับว่า ปกติผมกับแฟน
ไม่ค่อยมีความลับอะไรต่อกันโทรศัพท์เรา จะไม่มีพาสเวิดเพราะเราเชื่อใจกัน แต่ไม่ถึงขนาดเกินขอบเขตความเป็นส่วนตัวนะครับ
มาถึงช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์ความจริง จังหวะที่เธออาบน้ำ ผมแอบเปิดโทรศัพท์ของเธอ เลื่อนหาโปรแกรมแชททุกอย่าง
และภาพที่ผมเห็น ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตา! ผมเปิดเข้าไปอ่านแชทแชทนึง ที่ชื่อว่า M… เป็นการคุยที่ดูเหมือนคนเป็นแฟนคุยกัน
พูดง่ายๆว่าถ้าไม่ได้ดูชื่อคงคิดว่าเธอคงคุยกับผม ซึ่งมีถานะเป็นแฟนของเธออยู่เลยล่ะครับ ผู้ชายที่คุยกับเธอ เค้าพูดกับเธอประมาณว่า
“เดี๋ยวพี่พาไปเที่ยวอีกนะ”
“ไว้จะพาไปช็อปนะคะ”
“ไว้ไปกินข้าวด้วยกันอีกนะ”
“อยากไปเที่ยวไหนอยากได้อะไรบอกพี่นะ”
มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่กว่าเดิม เหมือนกับคำที่เค้าพูดล่ะครับ ยิ่งรักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจ็บมากเท่านั้น ช๊อตที่ผมช็อคสุดๆคือเธอพูดว่า
“อยากเจอพี่อีกจัง” ผมได้แต่ถามตัวเองว่าทำไม ทำไม และทำไม ?? ทำไมเค้าต้องนอกใจผม ผมทำอะไรผิด! ผมมันไม่ดีตรงไหน
ตอนนั้นผมทั้งเสียใจและโมโห
ในตอนนั้นเธอก็ออกจากห้องน้ำมาเห็นผมในสภาพที่โทรศัพท์ของเธออยู่บนมือของผมพอดี เธอคงรู้ว่าผมรู้แล้ว เธอจึงเดินเข้ามา
หยิบโทรศัพท์คืนพร้อมกับพูดว่า “เค้าขอโทษนะ ขอโทษที่ไม่ได้บอก ขอโทษที่ทำให้เสียใจ”
ผมถามเธอกลับว่า เธอรักผู้ชายคนนั้นมั้ย? คำตอบที่ ตอบทุกอย่างทุกการกระทำ ทุกการสนทนาได้อย่างดี เธอบอกว่า
“ เธอไม่ได้รักผู้ชายคนนั้น แต่เธอรู้สึกว่าเธอรักโลกใบใหม่ของเธอในตอนนี้ เธอสบายเวลาได้อยู่กับผู้ชายคนนั้น ได้มีอะไรที่ไม่เคยได้
มาก่อน ได้กินอาหารในร้านอาหารหรูๆ ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ได้สัมผัสความสบาย ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นที่สำคัญ เค้ามีเงินส่งให้พ่อแม่
เธอชอบสิ่งที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยได้ให้เธอมาก่อนเช่นกัน” เหมือนเธอโดดดูดเข้าไปอยู่ในดินแดน
ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน มันทำให้เธอชอบและอยาก ที่จะลองอยู่กับมัน เธอบอกผมว่า
“เธอยังรักผมอยู่แต่เธอก็เลือกที่จะไปอยู่ในดินแดนสุขสบาย”
สิ้นสุดคำพูดของเธอ คุณรู้มั๊ยครับว่า ผมไม่ได้ร้องไห้โฮออกมาเลยแม้แต่หยดเดียว หรืออ้อนวอนให้เธออยู่กับผม หรือขอให้เธอกลับ
มารักผมเลย แม้แต่ประโยคเดียว แต่สิ่งที่ผมคิดได้ตอนนั้นคือ ผมว่าส่วนหนึ่งผมก็ผิด ผมผิดเองที่ไม่ดูแลเค้าให้ดี แม้แต่ของเล็กๆน้อยๆ
ผมก็ไม่เคยที่จะให้เค้า แม้แต่รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ มันก็ไม่แปลกที่พอเค้าเจอโลกใบใหม่ ทุกวันนี้ที่เราอยู่ด้วยกันมันเป็นความเคยชิน
ที่คนสองคนต้องมาเจอกันทุกวัน บอกรักกันก่อนนอน ไม่มีอะไรใหม่ มีแต่ความรักเท่านั้นที่นังเหมือนเดิม การที่เธอเจอคนที่สนองในสิ่ง
ที่เธอต้องการได้ เธอคงจะแฮปปี้และพอใจกับมัน เธอควรได้รับในสิ่งที่เธอขาดไป ทดแทนสิ่งที่ผมไม่ได้ทำให้เธอเลยในช่วงที่ผ่านมา
ผมยอมรับครับในตอนนั้นผมโมโหมาก พาลโทษนู่นโทษนี่ไปหมด ถามแต่ว่า ทำไม ทำไม ทำไม
ทำไมเธอต้องโกหกผม ทำไมเธอต้องนอกใจผม ทำไมเธอต้องเลือกเขา ทำไมเธอถึงทิ้งคนที่รักเธอไป
ทำไมผมไม่ดูแลเธอให้ดี ทำไมผมไม่พยายามปรับตัวให้ดีขึ้น ทำไมผมไม่มีเงิน
ใช่ครับ ตอนนั้นผมโทษเงิน เพราะผมไม่มีเงิน เธอถึงเลือกที่จะไป เลือกที่จะอยู่ในโลกใหม่ ในสังคมที่ดีกว่า
แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก มันทำให้ผมได้อยู่กับตัวเอง ได้มีเวลาคิดมากขึ้น มันทำให้มสามารถตอบ
คำถามที่ตัวเองสงสัยในตอนแรกได้ทั้งหมด
ทำไมเธอต้องโกหกผม ก็เพราะถ้าเธอบอกผมตรงๆว่าต้องการอะไร ผมก็คงไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นจากเดิม
ทำไมเธอต้องนอกใจผม ก็เพราะผมเป็นคนทำให้ความรักมันจางหายไป
ทำไมเธอต้องเลือกเขา ก็เพราะเธอมองไม่เห็นทางที่จะเดินไปข้างหน้าถ้ายังคบกับผมต่อ
ทำไมเธอถึงทิ้งคนที่รักเธอไป ก็เพราะผมมีแค่ความรัก ไม่มีอนาคตให้เธอ
ทำไมผมไม่ดูแลเธอให้ดี ก็เพราะผมคิดว่าแค่เราเข้าใจกันก็พอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นของตาย
ทำไมผมไม่พยายามปรับตัวให้ดีขึ้น ก็เพราะผมมองข้ามปัญหาที่เกิดขึ้น คิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่
ทำไมผมไม่มีเงิน เพราะผมไม่รู้จักเก็บ ผมใช้เป็นอย่างเดียว หามาใช้ไปเท่านั้น
ดูเหมือนเรื่องมันจะจบที่ผมพ่ายแพ้ต่อความเป็นจริงและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นใช่มั๊ยล่ะครับ
ผิดครับ ผมมีนิสัยเสียอยู่อย่างนึงคือชอบเอาชนะ แต่อย่าพึ่งคิดในแง่ลบนะครับ
ผมอยากชนะความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ผมต้องชนะตัวเองให้ได้ ผมต้องสู้
ผมเริ่มคิดได้ว่าผมไม่ควรอยู่เฉยๆ ให้เวลามันผ่านไป โดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้น
ผมต้องทำอะไรซักอย่าง
หลังจากเสียเธอไป ผมเริ่มเปลี่ยนตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียว แบบโสดๆ และอีกเรื่องที่ผมเปลี่ยน
อย่างชัดเจนคือเรื่องการใช้เงินและการเก็บเงิน ผมเริ่มตั้งใจเก็บเงินเพื่อตัวเอง และวางแผนอนาคตมากขึ้น จากเมื่อก่อน
ผมเอาแต่ใช้จ่ายไปวันๆ โดยไม่มีจุดมุ่งหมาย เปลี่ยนมาเริ่มมาเก็บออมง่ายๆ ทำตามเคล็ดลับง่ายๆที่มีคนแชร์กันบ่อยอย่าง.....
- วิธีเก็บเหรียญห้ามใช้เหรียญ แต่เลือกใช้แต่แบงค์เก่าเท่านั้น
- สำหรับค่าเดินทาง ปกติผมเป็นคนที่ตื่นสายแล้วต้องนั่งแท็กซี่ไปทำงานเป็นประจำ ผมเลยเปลี่ยนตัวเอง
ด้วยการตื่นแต่เช้า นั่งรถเมล์ รถไฟฟ้าไปทำงานแทน จากที่ต้องนั่งวินมอเตอร์ไซค์เข้าซอยเพราะขี้เกียจเดิน
หันมาเดินแทนแค่ 300 เมตร ก็ถึงที่ทำงาน
- หยอดเงินใส่กระปุกอาทิตย์์ละ 50 บาท แล้วค่อยๆเพิ่มอีก 50 บาทในอาทิตย์ต่อๆไป
- โดยเดือนนึงมี 4 อาทิตย์ แบ่งเป็น อาทิตย์แรกหยอด 50 บาท อาทิตย์ที่ 2 หยอด 100 บาท อาทิตย์ที่ 3
หยอด 150 บาท อาทิตย์ที่ 4 หยอด 200 บาท โดยในแต่ละเดือนจะได้อยู่ที่ 500 บาท
- หักเศษเงินเดือนออกมาห้ามใช้ ปกติแล้วเวลาผมได้เงินเดือนมา ผมมักนำเศษที่เหลือมาเก็บใน
บัญชีเงินเก็บต่างหาก
- จากที่ผมเป็นคนค่อนข้างสังสรรบ่อย ก็ลดให้น้อยลง เงินที่เอาไปลงขวดก็ลงกระเป๋าแทน
อุ่นใจมากกว่านะครับ
- ตัดการซื้อของกินของใช้ที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งข้อนี้ช่วยเพิ่มเงินออมได้เยอะมาก เพราะปกติ
ผมเป็นคนฟุ่มเฟือย รายได้มาก็หายไปหมดเพราะใช้เงินแบบไม่ได้คิด
เคล็ดลับพวกนี้เหมือนนี้เหมือนจะยากนะครับ แต่ผมลองทำแบบนี้มาประมาณปีนิดๆ จนตอนนี้
ผมมีเงินเก็บได้แสนกว่า จากพนักงานออฟฟิศธรรมดาๆ ได้เงินเดือนเดือนละ 25,000 บาท
ผมเก็บได้เดือนนึงประมาณเกือบ 15,000 ใช้จ่ายอีก 10,000 นึง ที่ผมเก็บได้เยอะเพราะผมหัดเก็บ
และไม่มีหนี้ ผมคิดว่าของชิ้นใหญ่ๆที่ไม่จำเป็นมันคือหนี้ดีๆที่จะเกาะเราเหมือนกาฝากคอยดูดเงินเราไป
ในทุกๆเดือนทั้งๆที่เราทำงานมาเหนื่อยแทบตายแต่ต้องเสียเงินไปกับสิ่งที่จำเป็น และโชคดีที่ว่า
ในตอนที่ผมเลิกกับแฟนผมก็ได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านกับน้า ทำให้ประหยัดค่าที่พักไปได้ส่วนหนึ่ง
ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าจะเก็บเงินได้เป็นก้อน แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายแล้วเธอไม่ได้กลับมาหาผม
อาจจะมีบางทีที่ผมยังคงคิดถึงเธออยู่ ในตอนนั้นที่เลิกรากันใหม่ๆ ผมคิดว่าถ้าจะต้องเอาเค้ากลับคืนมา
ผมก็จะต้องแข่งกับผู้ชายของเค้าแบบนี้ไปเรื่อยๆแต่สุดท้ายแล้ว ผมว่าคนที่ผมต้องแข่งด้วยตอนนี้ก็คือ
“ตัวผมเอง” ผมขอขอบคุณเธอที่ทิ้งผมและทำให้ผมได้เปลี่ยนตัวเองเพื่อตัวเอง
สิ่งที่ทำให้ชีวิตผมเห็นความสำคัญเรืองการออมเงิน เพราะเงินก้อนแรกที่ผมได้นำมาใช้จากการเก็บของผม
นั่นคือการผ่าตัด มันเป็นการผ่าตัดครั้งสำคัญต่อคนสำคัญของผม คนที่ผมรักที่สุดคือแม่ของผม
เพราะช่วงนั้นแม่ของผมจู่ๆก็เกิดปวดท้องอย่างรุนแรง ปรากฏว่าท่านเป็นไส้ติ่งอักเสบต้องผ่าตัดด่วน
ผมไม่รอช้ารีบให้หมอผ่าตัดทันที พอผ่าตัดเสร็จผมโล่งใจมาก ผมต้องขอบคุณเงินก้อนนี้ที่ได้ช่วยชีวิตของแม่ผม
ขอบคุณที่ผมเก็บมัน ผมไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่นิดที่มันหายไปในพริบตาเพราะมันช่วยให้คนที่เค้ารักผมจริงๆ
ได้มีชีวิตต่อ เงินของผมได้ต่อลมหายใจของคนที่ผมรัก ทำให้ผมมองเห็นคนสำคัญของชีวิต เห็นความสำคัญ
ของการวางแผนชีวิต วางแผนการเงินและอนาคต และในตอนนี้ผมก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่การออม
แต่เริ่มเล็งๆและมองหาหนทางในการลงทุนเผื่ออนาคตและเงินยามฉุกเฉินในอนาคตไว้บ้างแล้วล่ะครับ
ผมเชื่อว่าทุกๆคนเคยมีความผิดพลาดและความผิดพลาดบางทีอาจจะเป็นบทเรียนที่สอนให้เราเติบโต
ถึงแม้ว่าตอนแรกของบทเรียนมันจะเจ็บปวด แต่ในทุกความเจ็บปวดมักจะคอยสอนเราอยู่เสมอ อย่างเรื่องของผม
บทเรียนของผม คือแฟนเก่า เธอได้สอนผมด้วยโลกใบใหม่ที่ผมไม่เคยมองเห็นมันมาก่อน เค้าทำให้ผม
ได้เห็นโลกอีกใบ โดยจุดเริ่มต้นของการที่จะสร้างโลกใบใหม่ได้ก็คือต้องเริ่มจากการ ปรับเปลี่ยนความคิดแล้ว
หันมาวางแผนการเงิน ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นมากๆในยุคนี้ โดยเฉพาะกับเหตุการณ์
ที่เกือบพรากชีวิตแม่ผมไป มันทำให้ผมเห็นความสำคัญของสิ่งที่ผมทำ และผมดีใจที่ผมได้ทำมันก่อนที่จะสายไป
ที่มา: http://pantip.com/topic/34186160
ที่มา:http://board.postjung.com/914188.html
0 comments