Thai News
สุดสลด !! พระหนุ่มผูกคอมรณภาพ ปริศนาคากุฏิ เผยความลับที่มาบวชพอฟังแล้วถึงกับขนลุก
Sunday, October 18, 2015พระมหาบัณฑิตวิศวะ เพิ่งจบการศึกษาแล้วจึงบวชเพื่อแก้บนแต่เพื่อนผู้ตายบอกไม่ได้เต็มใจที่จะมาบวช เพราะติดโยมสาวอยู่กล้วนอกใจ แต่ล่าสุด ใช้ผ้าผูกคอตัวเองกับเหล็กดัด มรณภาพคากุฏิ หลังเก็บตัวเงียบ คาดเครียดเรื่องโยมสาว...
ได้รับแจ้งเหตุพระภิกษุผูกคอตาย เหตุเกิดที่วัดปะธรรมาราม หมู่ 2 ต.ท่าดี อ.ลานสกา จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.ศิรพงศ์ โพธิพัฒน์ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ธิคำพร ห่อหุ้ม สว.สส. แพทย์เวร รพ.ลานสกา อาสาสมัครมูลนิธิกู้ภัยมังกรลานสกา รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุ พบศพ พระรักษฏา พงศ์ภัณฑารักษ์ หรือพระบอล อายุ 27 ปี พระลูกวัด มีภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 112/3 หมู่ 3 ต.นาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ใช้ผ้าขนหนูผูกคอแขวนอยู่กับเหล็กดัดหน้าต่างภายในกุฏิของวัด เจ้าหน้าที่ได้นำศพลงมาตรวจชันสูตร ไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยจากการถูกทำร้าย แพทย์ลงความเห็นว่ามรณภาพเพราะขาดอากาศหายใจ จากสภาพศพคาดว่ามรณภาพมาราว 5–6 ชม. การตรวจที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ไม่พบจดหมายหรือหนังสือลาตายใดๆ ในที่เกิดเหตุ และที่จำวัดในกุฏิดังกล่าว
พระอธิการอนุชา รักษะกาญจน์ อายุ 60 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปะธรรมารามให้การกับตำรวจว่า พระรักษฏา ผู้ตาย เป็นบัณฑิตด้านวิศวกรรม และเพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาเดียวกันเมื่อไม่นานมานี้ มาบวชแก้บนที่วัดเมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา มีกำหนดสึกในวันจันทร์ที่ 19 ต.ค.นี้ ก่อนหน้านี้ราว 2–3 วัน พระรักษฏาบ่นว่า เครียดและเก็บตัวอยู่ในกุฏิ มาฉันเช้าเพียงมื้อเดียว ไม่ออกมาฉันเพล ซึ่งพระในวัดเห็นว่าเจ้าตัวมีความเครียดก็ไม่ไปรบกวน ปล่อยให้พักผ่อนอยู่ภายในกุฏิ กระทั่งมีเด็กวัดไปพบว่าพระรักษฏาผูกคอตายอยู่ภายในกุฏิ จึงแจ้งให้พระในวัดทราบก่อนแจ้งตำรวจในเวลาต่อมา
ในขณะที่พระภิกษุรูปอื่นๆ และเด็กวัดให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พระรักษฏามีความเครียดเรื่องโยมผู้หญิงที่เป็นคนรัก และกำลังมีปัญหากันอยู่ ก่อนมาบวช บ่นว่าเครียดมากกับปัญหาโยมคนดังกล่าว กระทั่งมาผูกคอตายในที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์มือถือของพระรักษฏาไปตรวจสอบการติดต่อโทรศัพท์ และการติดต่อทางไลน์กับโยมสาวคนดังกล่าวและบุคคลอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุหรือแรงจูงใจในการฆ่าตัวตายที่แน่ชัด ก่อนนำศพไปตรวจชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลลานสกาในเวลาต่อมา.
ที่มา : สำนักข่าวไทย
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-177816
0 comments