Health
สาวพลาด! ตัดเล็บผิดวิธี แต่พอรู้สึกก็ใจสายเสียแล้ว ระวังกันด้วย
Saturday, October 24, 2015สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์ ให้เพื่อนๆระวัง และดูไว้เปนอุทาหรณ์เตือนใจ
ปกติเราจะเป็นคนไม่เข้าร้านทำเล็บ เราจะตัดเล็บทำความสะอาดเล็บเท้าและมือด้วยตัวเราเอง และครั้งนี้เราก็ตัดนิ้วเท้าตามปกติ ใช้กรรไกรตัดเล็บตัดเล็บตามปกติ เหมือนเดิมทุกครั้ง เห็นอะไรดำๆสกปรกติดอยู่ตามซอกเล็บก็จะใช้กรรไกรที่เอาไว้แงะพวกเศษซอกเล็บ ค่อยๆแคะออกตามปกติทุกอย่าง ตะไบอะไรอย่างปกติ เมื่อตัดเสร็จ เราก็อาบน้ำ ทำความสะอาดเข้านอน
ช่วงตอนกลางคืนของวันพฤหัส มีความรู้สึกว่าเริ่มเจ็บนิ้วเท้าหัวแม่โป้งข้างซ้าย เราก็แค่คิดว่า คงเพราะตัดเล็บเข้าเนื้อหรืออะไรสักอย่าง ก้ไม่ได้สนใจอะไรนอนไปจนเช้า ตื่นเช้ามา เราเดินเรารู้สึกเจ็บ ปวด ไม่สามารถกดเท้าได้เเบบเต็มๆเท้า เราก็คิดว่า อาจเพราะเราไปโดนเนื้อหรืออะไร เดี๋ยวก็หาย เราก็ปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได่สนใจอะไร ผ่านไป 2-3 อาการเหมือนบรรเทาลง เราก็คิดว่าคงหายละ
แต่พอมาเช้าวันอาทิตย์อาการกำเริบ เจ็บ ปวด บวม ขึ้นมาอีก เดินเหยียบเตมเท้าไม่ได้ ต้องใช้ส้นเดิน กดเต็มแรงไม่ได้ ไม่โดนก็เจ็บ ยิ่งถ้าไปโดน ปวดแทบร้องไห้ ทรมาณมาก เราเลยไปซื้อยากิน เภสัชจ่ายยา GOFEN 400 ของ MEGA มา เป็นยาแก้อักเสบ แก้ปวด เค้าบอกให้ลองกินก่อน เพราะเราแค่บวม อักเสบ แดง เค้าเลยจ่ายยาตัวนี้มา และนี่คืออาการของเราเมื่อวันอาทิตย์
เมื่อเราทานยา วันจันทร์- อังคาร อาการปวดก็บรรเทาลง มีเจ็บบ้าง แต่อาการปวดบวมลดลง จนเราคิดว่าเด๋วก็คงหาย ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว..
แต่ไม่เป็นแบบนั้น!!!
ช่วงกลางวันวันพุธ อาการเริ่มปวดขึ้นมาอีก ทีนี้เจ็บ ปวด แดง เหมือนวันอาทิตย์เลยอาการ เราก็ทานยาที่เภสัชให้ต่อเนื่อง และคิดว่าวันรุ่งขึ้นถ้าไม่ดีขึ้นจะไปหาเภสัชใหม่ ให้เค้าดูอาการ ที่เราเลือกไปหาเภสัชที่นี่เพราะปกติมีอะไรเราจะไปหาเค้า ค่อนข้างสนิทกัน และแนะนำดี ให้ยาดี กินแล้วหาย เราเลยเชื่อใจและวางใจเวลาเป็นอะไร เราก็จะไปหาเค้า
แต่..!!!!
รุ่งขึ้นวันพฤหัส เราตื่นขึ้นมา โอ้ว!! พระเจ้า!! มันเกิดอะไรขึ้น!!! นิ้วเท้าเรา บวม แดง ปวด อักเสบ ที่มันร้ายแรงกว่านั้น คือมีหนองขึ้นเป็นก้อน!!!
พระเจ้า!! เภสัชคงไม่ไหวแล้ว เรารีบไปโรงพยาบาล และคิดว่า คงต้องกรีดเอาหนองออก แค่เอาหนองออกก็คงจะหาย แต่ไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเข้าพบหมอ หมอดูอาการอย่างละเอียด ถามว่าเราไปทำอะไรมา เราก็บอกว่าอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ตัดเล็บตามปกตืทุกอย่าง หมอดูอาการอย่างละเอียด คืออาการ หัวหนองมันอยู่ข้างๆเล็บๆ ดูผิวเผินคือแค่เอาหนองออกคงจบ แต่มันไม่ใช่ หมอพิจารณานิ้วเท้าเราอย่างละเอียด เค้าบอกเราว่าต้องถอดเล็บ!! ต้องผ่าตัดถอดเล็บออก!! เพราะถึงแม้หัวหนองไม่ได่อยุ่ในเล็บ แต่ต้นตอต้นเหตุ คือในซอกเล็บ จากที่เราไปแคะ ไปแงะ ไปตัดอย่างผิดวิธี หรือแคะลึกจนเกินไปจนเกิดการอักเสบ พอเกิดการอักเสบ ตรงซอกเล็บผิวมันเปิด อาการที่เราคิดว่าแค่ปวดๆเจ็บๆ ใช้ชีวิตประจำวันปกติ เดินผ่านอะไรต่างๆนาๆ สิ่งสกปรกมันก็เข้าไปตามซอกเล็บ เกิดการสะสม จนกลายเป็นการติดเชื้อ เป็นหนอง ถ้าไม่ถอดออก ก็ไม่หาย เล็บอาจเน่า ติดเชื้อรุนแรง และอาจลาม
เราจึงตัดสินใจ ถอดก็ถอด เจ็บมากค่ะตอนฉีดยาชา เจ็บถึงใจจริงๆ ยิ่งกว่าฉีดยาชาศัลยกรรม ไม่รู้ทำไม เจ็บปวดทรมาณมากๆ หมอทิ้งยาชาไว้ให้เรา 5-10 นาที และทำการผ่าตัด และถอดเล็บออก เราไม่มองเลยค่ะ เรากลัว บอกตรงๆ เจ็บถึงหัวใจจริงๆ นี่คือสภาพหลังผ่าเสร็จ
วันรุ่งขึ้น พอยาชาหมดเท่านั้นแหละ ปวดรวดร้าว ปวดแผลตุ้บๆๆๆ เจบทรมานมาก หมอบอกเราสามารถล้างแผลเองได้ โดยการแช่น้ำร้อนๆ ล้างน้ำเกลือ เช็ดแผลให้แห้ง ทายา ปิดพลาสเตอร์ ดูอาการทุกวัน ช่วงแรกๆแผลจะสด อาจมีเลือดออก มีน้ำเหลืองออกบ้าง แต่วันแรกที่ล้างแผล เราก็ไปโรงบาลละคะ ล้างเองใจไม่แกร่งพอจริงๆ ปกติเป็นคนที่อดทนมากนะกับความเจ็บ ผ่านการผ่าตัดศัลยกรรมมาเยอะแต่ครั้งนี้ ไม่ไหวจริงๆ ตัดสินใจให้พยาบาลล้างแผลให้
โอ้โหววว ร้องลั่นห้องค่ะ พยาบาลต้องเอาที่กั้นเตียงขึ้น เพราะเราดิ้นทรมาน คือมันเจบมากค่ะ มันมีส่วนนึงของผ้าก๊อตที่หมอพัน ติดกับเนื้อที่เอาเล็บออกไป คือใช้เวลาในการเอาผ้าก็อตออกนานกว่าครึ่งชั่วโมง คนอื่นอาจเป็นน้อยกว่าเรา เจ็บน้อยกว่าเรา แต่อาการเราหนักจริง เพราะเปิดแผลออกมา คือยังบวม อักเสบ แดงช้ำ ซึ่งปกติเมื่อผ่า อาการบวมจะต้องหายและดีขึ้น แต่พยาบาลก็บอกให้เรา กินยาแก้อักเสบต่อเนื่อง เด่วก่ดีขึ้น
ค่าเสียหายของเรื่องเล็กๆที่ทุกคนมองข้าม ค่าผ่าตัดถอดเล็บออก เราจ่ายไปเกือบ 4,000 ค่ะโดยประมาณ ส่วนถ้าจะให้โรงบาลล้างแผล ตกวันละ 350-400 ต่อวันต่อครั้ง เป็นไงค้ะ แค่การตัดเล็บ แค่เล็บ สิ่งที่เรามองข้ามกัน ทำให้เราเสียเล็บไป เจ็บตัว เสียตัง
ที่เล่าให้ฟีงทั้งหมด มาเตือนเพื่อนๆไว้เปนอุทาหรณ์และระวังกันให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่เรามักมองข้าม เรื่องเล็กๆ แท้จริงมันอาจส่งผลร้ายให้แก่เราได้ค่ะ
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-177987
0 comments