Thai News
สุดระทึก !! ตำรวจน้ำซิ่งเก๋งตกคูน้ำริมถนน จนท. เข้าช่วยเหลือ แต่ถูกทำแบบนี้ โคตรโหด!?
Wednesday, October 28, 2015
อดีตตำรวจน้ำซิ่งเก๋งตกคูน้ำริมถนน ที่เมืองคอน เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าช่วย ถูกชักปืนขู่ห้ามยุ่ง ก่อนถูกชาร์จ นำตัวตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ พบสูงถึง 220 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 28 ต.ค. พ.ต.ต.พีระพล พุ่มชัย สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนขับรถเก๋งตกคูน้ำริมถนนสายมะขามชุม-นาเคียน บริเวณทางเข้าทุ่งท่าลาด ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จึงวิทยุแจ้งให้ตำรวจสายตรวจจยย.และ จนท.มูลนิธิใต้เต๊กตึ๊งไปทำการช่วยเหลือ เนื่องจากได้รับแจ้งว่าคนขับยังติดอยู่ภายในรถเก๋งคันดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบสภาพรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิคสีขาว ทะเบียน กท 3103 สุราษฎร์ธานี เสียหลักหัวรถปักลงไปคูน้ำริมถนน โดยพบคนขับรถเป็นชายไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังนั่งอยู่ในรถ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่มูลนิธิพยายามเข้าไปช่วยเหลือคนขับออกมาจากรถเก๋ง คนขับซึ่งมีอาการเมาสุรากลับส่งเสียงโวยวายใส่เจ้าหน้าที่มูลนิธิ และเปิดประตูรถออกมาชักอาวุธปืนประจำตัวชนิด 9 มม. ออกมาส่ายไปมาขู่ไม่ให้ใครเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิ และเจ้าหน้าที่สายตรวจ ตกใจถอยหลังกรูดออกมาทันที เพราะเกรงว่าจะถูกชายคนดังกล่าวใช้อาวุธปืนยิงสวนมาได้
จากนั้น พ.ต.ต.พีระพล ได้พยายามเข้าไปเจรจากับชายคนดังกล่าวอยู่นานประมาณ 5 นาที และขณะที่ชายคนดังกล่าวเผลอ พ.ต.ต.พีระพล จึงฉวยโอกาสตะครุบฉกอาวุธปืนมาจากมือของชายคนดังกล่าว ก่อนช่วยกันจับตัวชายคนดังกล่าวซึ่งมีอาการเมาสุราอย่างหนักมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก
จากการตรวจค้นในตัวชายคนดังกล่าวพบบัตรประจำตัวเป็นตำรวจ ชื่อ ร.ต.ต.วิทยา นินทรกิจ อายุ 60 ปี ตำแหน่ง รอง สว. (ป.ทางน้ำ) ส.รน.2กก.6 บก.รน. หรือตำรวจน้ำที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพิ่งเกษียณราชการเมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้การในเบื้องต้นว่าเพิ่งกลับจากงานศพญาติที่บริเวณชุมชนมะขามชุมใกล้ที่เกิดเหตุนั่งดื่มเหล้าจนสว่าง ก่อนจะขับรถกลับบ้านแต่ขับไปไม่ไหวจนเสียหลักตกลงไปในคูน้ำดังกล่าว โชคดีรถไม่จมน้ำ
ต่อมา พ.ต.ต.พีระพล ได้นำเครื่องวัดแอลกอฮอล์ มาให้ ร.ต.ต.วิทยา ทำการเป่า ปรากฏว่าสามารถวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 220 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก่อนที่ตำรวจจะแจ้งข้อหา ร.ต.ต.วิทยาในข้อหาเมาแล้วขับ และคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ที่มา : สำนักข่าวไทย
ที่มา:http://www.siamupdate.com/news-178130
0 comments